รีวิว The Sims 4 – ใครยังลังเลว่าจะซื้อดีไหม ลองมาอ่านครับ



หากใครกำลังอยู่ระหว่างการตัดสินใจว่าจะซื้อหรือไม่ซื้อเกม The Sims 4 ดี บทความนี้จะช่วยตอบคำถามที่คาใจคุณ
หลายคนเห็นคำวิจารณ์ด้านลบต่างๆ มากมาย เช่น ไม่มีสระว่ายน้ำ ไม่มีเด็กวัยหัดเดิน ไม่ Open World ก็เริ่มลังเลและกลัวว่าซื้อมาแล้วจะผิดหวัง ผมจึงพยายามรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับประเด็นต่างๆ มาให้มากที่สุด รวมถึงลองซื้อมาเล่นเองให้มันรู้แล้วรู้รอดไปเลย ทำไปทำมาก็กลั่นกรองออกมาบทความที่คุณกำลังอ่านอยู่ในขณะนี้
ก่อนอื่นขอบอกก่อนว่าบทความนี้มีความยาวมากถึงมากที่สุด รวบรวมข้อมูลและแจกแจงรายละเอียดมากที่สุดเท่าที่จะทำได้ เขียนด้วยใจ ใช้เวลาเขียนเป็นอาทิตย์ แม้ผมจะไม่ใช้แฟนตัวยงของเกมนี้ ไม่มีความรู้อะไรมากมาย แต่อะไรที่ผมรู้มา ผมก็อยากอธิบายในหลายๆ อย่างให้ทุกคนเข้าใจในเกมนี้ครับ ขออย่างเดียวคือถ้าคิดอ่านบทความนี้ ขอให้อ่านไปเรื่อยๆ จนจบครับ อ่านวันละนิดก็ยังดี ไม่แนะนำให้อ่านครึ่งๆ กลางๆ แล้วก็เลิกครับ เพราะแทนที่จะเข้าใจอะไรมากขึ้น คุณอาจเข้าใจผิดมากกว่าเดิมเลยก็เป็นได้
สำหรับผู้ที่ยังกังวลใจ หาทางออกไม่ได้ หาข้อมูลอ่านก็มีแต่คนอวย กับคนด่า หากได้อ่านบทความนี้ หลายๆ สิ่งที่คุณสงสัยหรือคาใจอาจตอบปัญหาคุณได้ไม่มากก็น้อย ลองอ่านดูนะครับ ^^

จุดประสงค์ของบทความนี้

หากคุณเคยอ่านคอมเมนท์จากที่ต่างๆ มากมายแล้วรู้สึกไม่สบายใจ เพราะมีคนบ่นค่อนข้างเยอะ อยากจะบอกว่ารีวิวบางครั้งอาจวัดอะไรไม่ได้เลย เพราะส่วนมากมักบ่นในเรื่องฟีเจอร์ที่หายไป ถ้าสิ่งที่มันหายไปไม่ได้ทำให้คุณเดือดร้อน มันก็ไม่มีเหตุผลอะไรที่ทำให้คุณปฏิเสธเกมนี้ ดังนั้นจุดประสงค์หลักที่ผมเขียนบทความนี้ขึ้นเลยนั่นก็คือเพื่อให้ผู้ที่ยังลังเลในการซื้อเกม The Sims 4 ได้เข้าใจประเด็นต่างๆ อย่างเป็นเหตุเป็นผลก่อน ว่าฟีเจอร์ที่หายไปคุณรับได้หรือไม่ และสิ่งที่เข้ามาสามารถตอบโจทย์คุณได้มากแค่ไหน จากนั้นจึงตัดสินใจว่าจะซื้อหรือไม่ซื้อด้วยตัวคุณเองแทนที่จะเชื่อคนอื่น
ผมไม่ใช่แฟนคลับตัวยงของเกมนี้ ไม่ใช่ผู้เล่นที่แสนเชี่ยวชาญ เล่นเกมนี้เพราะมีความผูกพันกับเกมนี้มาตั้งแต่ภาคแรกมากกว่า ดังนั้นผมอาจไม่ได้เป็นนักรีวิวที่เก่งกาจ แต่ผมเขียนออกมาจากความรู้สึก และพยายามเขียนให้เป็นกลางที่สุด อย่างไรก็ตามหากคิดว่ามีส่วนไหนที่ไม่เป็นกลาง ก็ขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยครับ และขอให้เข้าใจว่าผมไม่ได้มีเจตนาที่จะสองมาตรฐานแต่ประการใดครับ
ในบทความจะแบ่งออกเป็นส่วนใหญ่ๆ อยู่สองส่วนคือ
  1. ประสบการณ์จากการเล่น The Sims 4 เป็นการเล่าเรื่องและแนะนำคุณสมบัติต่างๆ ซึ่งมีทั้งข้อดีและข้อเสียแตกต่างกันไป เพื่อให้คุณได้เห็นภาพรวมของเกมในภาคนี้ ว่ามีอะไรเพิ่มเติมเข้ามาบ้าง และดีหรือไม่ดีอย่างไร
  2. ประเด็นร้อนของเกม The Sims 4 ในส่วนนี้จะมาเค้นส่วนสำคัญที่หายไปใน The Sims 4 แบบเจาะลึกถึงลูกถึงคนเลยทีเดียว ถ้าสิ่งที่ถูกตัดไปมีเหตุผลในการเอาออกก็จะพยายามเล่าให้ฟังเช่นกัน
หลังจากบรรทัดนี้ไป โปรดใช้วิจารณญาณในการรับชม อย่าเชื่อทุกอย่างที่ผมเขียน แต่ขอให้อ่านแล้วคิดตาม แล้วตัดสินใจด้วยเหตุผลของตัวคุณเอง

ประสบการณ์จากการเล่น The Sims 4

ในส่วนแรกนี้ขอเล่าสิ่งที่พบจากการเล่นเกม The Sims 4 ก่อน ผมเล่นแล้วเจออะไร รู้สึกอย่างไร หรือว่าเจอสิ่งที่ไม่เคยรู้สึกเมื่อเล่นภาคก่อนๆ ก็จะเอามาเล่าสู่กันฟัง ดังนั้นหากคุณมีเกมนี้แล้ว ไม่แปลกที่ความคิดเห็นของคุณอาจไม่ตรงกับผม และไม่แปลกที่ผมอธิบายไม่ครบทุกอย่างที่เกมนี้มี

User Interface

การออกแบบหน้าจอผู้ใช้งาน ทำออกมาได้ดีมากๆ มีความซับซ้อนน้อยกว่าภาคก่อนๆ อย่างเห็นได้ชัด ทุกปุ่ม ทุกเมนู เรียบง่ายและตรงไปตรงมา ใช้เวลาศึกษาวิธีเล่นไม่นานเลยครับ และที่สำคัญ แม้จะเรียบง่าย แต่ก็เต็มไปด้วยประสิทธิภาพสุดๆ เช่น การจัดหมวดหมู่ของใช้ดีขึ้นกว่าเก่ามาก และที่สำคัญ มีช่อง Search ให้ค้นหาของ และมี autocomplete เสร็จสรรพ ชอบสุดๆ (autocomplete ก็เช่น พิมพ์ตัวอักษรเริ่มต้นไป 3-4 ตัว ก็จะมีรายการสินค้าที่เกี่ยวข้องออกมาเต็มไปหมดเลย)

โหมด Create a Sim และ Build Mode

โหมดการสร้างชาวซิมส์และการสร้างบ้านที่เป็น highlight สร้างความตื่นตาตื่นใจกับผู้เล่นหลายๆ ท่านพอสมควร ทำให้ในช่วงแรกๆ ก่อนเกมวางขายมีกระแสด้านบวกค่อนข้างมากเลยทีเดียว จากที่้ลองใช้งานค่อนข้างพอใจระดับหนึ่ง แต่ไม่ถึงกับตื่นเต้นหรือชอบมาก (ส่วนหนึ่งเพราะผมไม่ค่อยได้สร้างซิมส์ด้วยแหละ กดสุ่มหน้าเอาลูกเดียว 555+) แต่อย่างไรก็ตาม คุณสามารถทดลองใช้โหมด Create a Sim ในการสร้างซิมส์ได้ด้วยตัวคุณเองฟรี! โดยเข้าที่นี่

วิดีโอแนะนำโหมด Create a Sim อย่างเป็นทางการ

วิดีโอแนะนำ Build Mode อย่างเป็นทางการ

Gallery

เป็นระบบที่ทำให้การโหลด content ของผู้เล่นที่แจกจ่ายกันง่ายกว่าภาคเก่าๆ หลายเท่า เช่นจากภาพด้านล่างหากผมค้นหาด้วย hashtag #disney (hashtag ยอดนิยมในเกม) ก็จะมีรายการตัวละครและที่อยู่อาศัยจากผู่เล่นทั่วโลกที่แชร์เข้ามาเต็มไปหมด และสามารถกดเข้ามาใช้ในเกมได้อย่างง่ายดาย
gallery
สำหรับคนไทยนั้นมีผู้เล่น The Sims 4 และนำข้อมูลมาแชร์ค่อนข้างเยอะเลยทีเดียว ลองค้นหาด้วย hashtag#thesims4thailand พบผลลัพธ์มากมายตามภาพด้านล่างเลยครับ :D และถ้าคุณต้องการสร้างซิมส์ สร้างห้อง หรือสร้างบ้านไปแจกจ่ายเพื่อนๆ ชาวไทย ก็อย่าลืมใส่ hashtag #thesims4thailand ด้วยล่ะ
ขอขอบคุณแฟนเพจ The Sims 4 Thailand ที่เป็นผู้ริเริ่มใช้ tag นี้ครับ ทำให้ค้นหาผลงานชาวไทยได้ง่ายขึ้นมากมายเลยทีเดียวครับ
gallery-2

Multitasking

เป็นสิ่งหนึ่งที่เพิ่มความสมจริงให้กับเกมนี้มากขึ้นอย่างที่ไม่เคยเห็นในภาคเก่าๆ นั่นคือ ชาวซิมส์สามารถทำกิจกรรมได้มากกว่า 1 อย่างในเวลาเดียวกัน เป็นสิ่งที่ทำให้เกมมีสีสันขึ้นกว่าเดิมมากๆ และเป็นสิ่งที่ผมชอบมากที่สุดสิ่งหนึ่งที่มีมาในภาคนี้เลย
ชาวซิมส์สามารถกินข้าวไปเล่นมือถือไปได้ ขับถ่ายไปเล่นมือถือไปได้ คุยกับเพื่อนไปดูทีวีไปได้ ซึ่งผมคิดว่ามันเจ๋งขึ้นมากเลยทีเดียว และที่ชอบอีกอย่างคือซิมส์สามารถคุยกันได้มากกว่า 2 คนอย่างเป็นทางการแล้ว ตอนคุยกันเป็นกลุ่มนี่ดูเป็นธรรมชาติเอามากๆ แต่ปัญหาที่พบตอนเล่นคือในระหว่างนั้นเราจะคุย 2 คนยากมากกกก เช่นหาก A, B, C คุยอยู่ด้วยกัน ถ้ากดสั่งให้ A คุยอะไรบางอย่างกับ B แล้ว A จะไม่ทำและยังคงคุยกัน 3 คนต่อไป แต่ในทางกลับกัน ถ้า D, E กำลังสวีทกอดกันอยู่สองต่อสอง อยู่ดีๆ F มาจากไหนไม่รู้เดินเข้ามา D, E จะดึง F เข้าร่วมวงสนทนาอัตโนมัติ และความรักระหว่างสองคนก็จะยุติทันที *0* ส่วนตัวผมชอบนะ รู้สึกสมจริงดี รวมถึงหมั่นไส้ตัวที่เข้ามาสอด 555+
multitask
จากภาพด้านบน เป็นตัวอย่างของ Multitask แบบ Combo เลยก็ว่าได้ ซิมส์ Elsa ผู้หญิง (ไปโหลดมาจาก Gallery) ซึ่งกำลังเล่นคอมพิวเตอร์อยู่ได้คุยกับซิมส์ผู้ชายไปด้วย ซึ่งซิมส์ผู้ชายก็ไม่น้อยหน้า ระหว่างคุยกับ Elsa ก็ดูทีวีไปด้วยอีกตลบ เห็นแบบนี้ครั้งแรกผมค่อนข้างประหลาดใจและไม่คิดว่าจะมีอะไรแบบนี้ ^^

อารมณ์พิเศษติดตัวชาวซิมส์

ฟีเจอร์ที่เป็นคุณสมบัติเด่นในภาคนี้และทำออกมาค่อนข้างประทับใจเลยนั่นก็คืออารมณ์ของชาวซิมส์ในขณะนั้น จากรูปด้านล่าง Elsa มีอารมณ์ Playful อยู่ (เป็นสีบานเย็น) ซึ่งเมื่อเกิดอารมณ์ Playful ซิมส์ Elsa ของเราจะรู้สึกอยากเล่นไปทั่ว เมื่อผมไปกดที่อ่างอาบน้ำก็จะมีเมนูพิเศษ Play with Bath ปรากฎขึ้น (จะมีแถบบานเย็นสีเดียวกับอารมณ์ในขณะนั้น) ซึ่งเป็นแถบที่จะไม่มีหาก Elsa ไม่มีอารมณ์ Playful  นอกจากนี้เวลาคุยกับใคร หรือกดที่วัตถุอื่นๆ ก็จะมีคำสั่งพิเศษขึ้นมา (เมนูที่เป็นแถบบานเย็นทั้งหลาย) ดูเพิ่มเติมในรูปด้านล่างนี้ได้เลย
mood-1 mood-2
mood-3

การแสดงออกของชาวซิมส์

ภาคนี้มีจุดเด่นที่น่าสนใจอย่างหนึ่งก็คือ ชาวซิมส์มีการแสดงออกที่เป็นธรรมชาติสมจริงมากขึ้น ซึ่งเป็นอีกหนึ่งลูกเล่นที่มีสีสันทีเดียว เช่น ถ้าซิมส์อารมณ์ไม่ดีจะเดินกระทืบเท้าตึงตัง ทำอะไรก้าวร้าว ปิดตู้เย็นดังปัง เตะถังขยะข้าวของกระจุยกระจาย เวลาซิมส์อารมณ์ดีจะเดินไปร้องเพลงไป คุยกับชาวบ้านทุกคนที่ขวางหน้า เวลาซิมส์ปวดฉี่สุดๆ จะเดินแบบออกอาการมากๆ (รู้สึกว่าเว่อร์ไปนิด) เวลาซิมส์ทำอาหาร ระหว่างสับผัก หรือกวนไข่ในหม้อ บางทีมีหยุดฉุกคิดว่าเอ๊ะจะทำยังไงดีน้า ใส่อะไรดีน้า (บางทีหยุดคิดแล้วอยู่ดีๆ ก็เลิกทำ เดินไปทำอย่างอื่นเฉยเลย จุดนี้ไม่แน่ใจว่าบั๊กหรือจงใจ 555+)  ซึ่งส่วนนี้ถ้าตั้งใจเล่นและสังเกตพฤติกรรมชาวซิมส์บ่อยๆ คุณจะสนุกกับ The Sims 4 แบบหาภาคไหนไม่ได้เลยล่ะ ^^

“ความคิด” และ “ความตื่นตัว” ของชาวซิมส์

ในภาคนี้ซิมส์ของเรามีความคิดที่จะทำอะไรเอง และมีตื่นตัวตลอดเวลา การทำกิจกรรมต่างๆ เป็นธรรมชาติขึ้นเยอะมาก
ปกติในภาคก่อนๆ ซิมส์จะชอบอยู่เฉยๆ ไม่ทำอะไร ยังกับหุ่นยนต์ จะทำอะไรก็ต่อเมื่อเกิดความต้องการด้านนั้นๆ เช่น หากหิว ซิมส์ก็ไปหาของกิน ปวดฉี่ ซิมส์ก็ไปฉี่ ง่วง ซิมส์ก็นอน ถ้าหลอดความต้องการเต็ม ซิมส์ก็จะงงเต็กไม่รู้จะทำอะไร ใน The Sims 3 ยังดีขึ้นมาตรงที่ในบางครั้งซิมส์จะไปทำกิจกรรมตามนิสัยของตน แต่อย่างไรก็ตาม มันไม่เนียนเอามากๆ เช่นใน The Sims 3 ผมเลือกให้ซิมส์คนหนึ่งมีนิสัยหนอนหนังสือ (book worm) แต่ผลคือวันๆ ซิมส์มันไม่ทำอะไร ถ้าเราไม่ควบคุมให้ทำอย่างอื่น มันก็จะนั่งอ่านหนังสือทั้งวันเลยครับ -3-
ใน The Sims 4 “ความตื่นตัว” ของซิมส์ หมายถึงการกระทำทุกๆ อย่างของซิมส์เป็นธรรมชาติขึ้นมากครับ หากซิมส์ไม่มีอะไรทำ ซิมส์จะพยายามหากิจกรรมทำจนได้ หรือบางทีก็หาคนคุยด้วย ไม่ค่อยเห็นสถานการณ์ยืนเอ๋อเท่าไหร่นัก (ภาคเก่าๆ อยู่บ้านเดียวกันแต่แทบไม่คุยกันเลย) นับเป็นจุดที่พัฒนาไปในทางที่ดีขึ้น ดีจนบางครั้งก็ดีเกินไปครับ เช่นถ้าไปสวน จะมีคนมากมาย ถ้าเราไม่ควบคุม มันจะเดินรี่เข้าไปหาไปทักทุกคนเลย คุยแหลก คุยไม่เลือกหน้าเลยครับ
ส่วน ”ความคิด” ของซิมส์หมายถึง นอกจากซิมส์จะทำกิจกรรมเพื่อตอบสนองความต้องการของตนเหมือนภาคก่อนๆ แล้ว ซิมส์ยังมีความคิดเป็นของตัวเองว่าตอนนั้นเขาอยากทำอะไร สั่งสมจากเหตุการณ์และคำสั่งในแต่ละวันที่เกิดขึ้น เช่น บางทีแม้แถบความต้องการความสนุก (Fun) ของซิมส์เต็มอยู่ แต่ซิมส์ก็มีสิทธิ์ที่จะไปเล่นเกมคอมพิวเตอร์เองได้หากคุณไปสั่งให้เขาเล่นบ่อยๆ ทุกวัน (ซิมส์จะติดเป้นนิสัยนั่นเอง) หรือหากแม้ตอนนั้นซิมส์ปวดฉี่ ถ้าซิมส์มีสิ่งที่อยากทำมากกว่า ซิมส์ก็จะอั้นฉี่ไว้ ซึ่งจุดนี้ถือว่าเป็นจุดที่ค่อนข้างมหัศจรรย์และเป็นนามธรรมพอสมควร หากเล่นแบบไม่คิดอะไรจะไม่เห็นความมหัศจรรย์จุดนี้ แต่ถ้าคุณเล่นแล้วใส่ใจรายละเอียดสักนิด คุณจะพบว่าความคิดและความตื่นตัวของซิมส์ในภาคนี้ไม่ธรรมดาเลยทีเดียว

หลายๆ อย่างยังมาจากเงื่อนไขของเกม มากกว่าอารมณ์ของชาวซิมส์

จากประสบการณ์ที่ผมได้เล่นนั้น บางอย่างยังเป็นอารมณ์ที่เกิดจากการตั้งเงื่อนไขของเกม เช่น ถ้าไม่สนใจดูแลลูก ลูกก็จะหายไป (ภาคนี้อยู่ดีๆ หายไปเลย) ชาวซิมส์ก็จะมีอารมณ์ Very Sad เป็นเวลา 4 ชั่วโมง ระหว่างนั้นก็จะร้องไห้ตลอด ไปนอนคลุมโปงร้องไห้อยู่ในเตียง แต่พอหมด 4 ชั่วโมงปุ๊บ กลายเป็นอารมณ์ Happy ลัลล้าทันที ราวกับเรื่องที่ผ่านมาไม่เคยเกิดขึ้น!?
ตรงนี้เป็นสิ่งที่ทำให้เกมขาดความสมจริงอย่างมาก และต้องแก้ไขโดยด่วน มิเช่นนั้นจุดเด่นเรื่องความซับซ้อนทางอารมณ์ของซิมส์ที่ทีมงานต้องการนำเสนอจะพังไม่เป็นท่าทันที

สรุป

สิ่งที่เป็นคุณลักษณะเด่นๆ ของ The Sims 4 จะเห็นได้ชัดว่าทีมงานเน้นอยู่สองอย่างหลักๆ คือ
  1. ระบบการเล่นที่ง่ายและเข้าถึงผู้เล่นได้ดีขึ้นมาก รวมถึงการแชร์ของที่สร้างขึ้นจากแฟนเกมนั้นมีศูนย์กลางที่ค่อนข้างมีประสิทธิภาพ
  2. ทีมงานให้ความสำคัญกับซิมส์มาก เน้นอารมณ์ ความรู้สึก และการดำเนินชีวิตที่มากกว่าภาคเก่าๆ อย่างเห็นได้ชัด (แต่ยังต้องปรับปรุงในบางส่วน)
ดังนั้น หากผู้ที่ชอบเล่นโหมดดำเนินชีวิต (Live Mode) เป็นชีวิตจิตใจ คุณไม่ผิดหวังแน่นอนกับภาคนี้ ค่อนข้างทำออกมาได้ค่อนข้างดีจริงๆ อย่างไรก็ตามอย่าเพิ่งฟันธงว่าซื้อหรือไม่ซื้อ เพราะในหัวข้อต่อไปจะทำให้คุณเข้าใจตัวตนของเกมนี้มากขึ้น อ่านต่อได้เลยคร้าบ :D

ประเด็นร้อนของเกม The Sims 4

ความคิดคนส่วนใหญ่ที่จะซื้อหรือไม่ซื้อเกม The Sims 4 นั้น คาดว่าส่วนใหญ่มาจากประเด็นที่ผมกำลังจะกล่าวต่อไปนี้ ซึ่งผมได้พยายามรวบรวมประเด็นหลักๆ ที่เป็น talk of the town มาแจกแจงที่นี่ และพยายามรวบรวมเหตุผลที่ดีที่สุดมาอธิบายให้คุณฟัง รวมถึงออกความเห็นและความรู้สึกเป็นบางช่วงให้เห็นภาพด้วยครับ
ในส่วนนี้จะนำเอาฟีเจอร์เด่นๆ ที่หายไปมาเล่าให้ฟังเท่านั้นนะครับ ฟีเจอร์ยิบย่อยอื่นๆ คุณสามารถไปอ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่ (ขอขอบคุณ http://www.baagames.com/ และ http://ts4news.com)

1. The Sims 4 ไม่มีสระว่ายน้ำ และเด็กวัยหัดเดิน

เป็นที่ทราบกันถ้วนหน้าว่า The Sims 4 นั้นถูกตัดคุณสมบัติเหล่านี้หายเรียบ ซึ่งมันจะไม่เป็นปัญหาร้ายแรงขนาดนี้ถ้ามันไม่เคยมีมาก่อนในภาคเก่าๆ (ยังไม่รวมผี ขโมยขึ้นบ้าน และอื่นๆ) ดูเผินๆ มันไม่ส่งผลกระทบกับภาคใหม่เลยแม้แต่น้อย แต่มันทำร้ายจิตใจผู้เล่นเก่า และแฟนพันธุ์แท้ตัวยงเป็นอย่างมาก ของที่ถูกตัดไปเหล่านี้มันเป็นเอกลักษณ์ของเกมนี้เลยก็ว่าได้ มันเหมือนเป็นสิ่งที่ผูกพันกับผู้เล่นมานานแสนนานเป็นสิบปี แล้วอยู่ดีๆ อะไรฟะ หายไปเฉยเลย คิดจะตัดก็ตัด ปรึกษาผู้เล่นหรือยัง? มันแสดงถึงความไม่ใส่ใจความรู้สึกของผู้เล่นอย่างมาก
หลายคนบอกว่าเดี๋ยว DLC ก็มี เดี๋ยวภาคเสริมก็มา ถ้าเป็นแบบนั้นจริงๆ ผมคิดว่าทางผู้พัฒนาเกมดูเหมือนจะ “เล่นแรง” เกินไปหน่อย เพราะสิ่งเหล่านี้อย่างที่ได้กล่าวไปมันไม่ได้เป็นเพียงแค่ฟีเจอร์อย่างหนึ่งในเกม แต่มันหมายถึงความทรงจำและความผูกพัน แต่จากผมที่ได้อ่านเหตุผลแล้ว ทางทีมงานได้บอกว่าที่ทำไปไม่ได้เป็นเพราะความโลภหรือกะฟันเงินในภาคเสริมแต่อย่างใด แต่เป็นเพราะข้อจำกัดจากเทคโนโลยีใหม่ที่มีในภาคนี้ต่างหาก ที่ทำให้ไม่สามารถรองรับสิ่งเหล่านั้นได้ (แต่ทีมงานยืนยันว่าเทคโนโยลีจะไปพัฒนาด้านอื่นๆ ให้ดีขึ้น) ผมอ่านดูแล้วก็ยังไม่ค่อยเก็ตสักเท่าไหร่ รู้สึกเหมือนว่าทีมงานทำเกมไม่ทันแล้วต้องรีบปล่อยออกตลาดยังไงไม่รู้ 555+
อย่างไรก็ตามก็ยังฟันธงไม่ได้ว่าจะมีฟีเจอร์เหล่านี้ในอนาคตหรือไม่อยู่ดี

สรุป

  • หากไม่ซีเรียสกับของที่หายไปเหล่านี้ หากไม่เคยเล่นภาคเก่าๆ มาก่อน ไม่เคยมีความทรงจำดีๆ กับเกมตระกูล The Sim ทั้งหลาย เกม The Sims 4 ก็ไม่ใช่เหตุผลที่สำคัญที่คุณจะไม่ซื้อมัน
  • หากเป็นแฟนคลับตัวยง มีความผูกพัน ก็ขึ้นอยู่กับคุณว่ารับได้หรือไม่ แต่ยืนยันอีกครั้งว่ามันไม่ถึงกับคอขาดบาดตายทำให้เกมไม่สนุกอะไรจะปานนั้น…

2. ระบบ Create a Style ที่หายไป

CAST
ในส่วนนี้พบว่าคนส่วนใหญ่ยังไม่ทราบเหตุผลที่แท้จริงกัน จึงไปหาคำตอบมาให้ครับ
ระบบ Create a Style เป็นระบบชูโรงอีกตัวหนึ่งใน The Sims 3 ซึ่งเป็นระบบที่เปิดอิสระให้เราแก้สีและลวดลายให้กับของทุกอย่าง เช่น ใน The Sims 1, 2 หากคุณซื้อเก้าอี้ คุณก็เลือกได้แค่แบบถูกหรือแบบแพง แต่ละแบบก็มีดีซายน์และสีต่างกัน แต่ใน The Sims 3 คุณสามารถเลือกสีและลวดลายในเก้าอี้แต่ละตัวว่าอยากให้เป็นสีอะไร ลายอะไร ทำให้จินตนาการของคุณเบ่งบานกระจุยกระจาย สร้างเก้าอี้แบบนึงได้หลายแสนหลายล้านแบบ ดังนั้นจึงไม่แปลกเลยที่จะมีคนติมากมายเพราะว่าระบบดังกล่าวถูกถอดออกใน The Sims 4 และใครที่คาดหวังว่ามันจะมาในภาคเสริมก็เตรียมผิดหวังได้เลย เพราะมันจะไม่มีตลอดกาล…

คำถามที่สำคัญก็คือ แล้วเอาออกทำไม?

ในส่วนนี้ผมสงสัยอยู่นานมาก ถ้าไม่ใช่ความสะใจของทีมงานที่อยากให้แฟนๆ เคียดแค้นเล่นแล้วจะเอาออกด้วยเหตุผลอะไร? จนกระทั่งอ่านบทความต่างประเทศไปเรื่อยๆ ก็ค้นพบเหตุผลที่ทีมงานเอาออกไป และถ้าเหตุผลนี้เป็นความจริง มันเป็นเหตุผลที่ดีและฟังขึ้นทีเดียว เรามาดูกันดีกว่าว่าทำไม The Sims 4 จึงไม่มีระบบนี้
ก่อนอื่นต้องทำความเข้าใจลักษณะเด่นของเกม The Sims  4 ก่อน นั่นคือทีมงานต้องการให้ชาวซิมส์มีอารมณ์จำลองเหมือนกับมนุษย์จริงที่สุดเท่าที่จะทำได้ ชาวซิมส์มีความอ่อนไหวและความซับซ้อนทางความคิดที่สุดยอดกว่าภาคเก่าๆ มาก
เหตุผลที่ทีมงานเอา Create a Style ออกไป เพราะว่าสีและลวดลายของวัตถุรอบตัวมีผลกับจิตใจของชาวซิมส์ทั้งสิ้น อ้าว… แล้วมันเกี่ยวอะไรกับการเอา Create a Style ออกล่ะ? มันเกี่ยวมากๆ เลยล่ะครับ สมมุติถ้าชาวซิมส์เดินไปเจอคนที่ไม่รู้จักอยู่ 2 คน คนหนึ่งใส่ชุดสูทสีดำมาดเข้ม อีกคนใส่เสื่อสีชมพูลายดอกสีสันสดใสฟรุ้งฟริ้งมุ้งมิ้ง ชาวซิมส์จะมีปฎิสัมพันธ์กับคนชุดลายดอกได้ไวกว่าคนใส่ชุดสูท เป็นต้น ดังนั้นวัตถุทุกชิ้นในเกมจึงมีข้อจำกัดและขอบเขตไม่ให้ผู้เล่นเลือกสีและลายอิสระตามใจชอบ (จะมีให้เลือกก็ไม่กี่แบบ) เพราะสีทุกสีและลวดลายทุกลายจำเป็นต้องมีข้อมูลฝังอยู่และถูกนำไปคำนวณอารมณ์ของชาวซิมส์นั่นเอง

สรุป

  • หากทุกวันนี้ไม่เคยเข้าไปแตะ Create a Style เลย และไม่ค่อยได้ตกแต่งสีหรือลวดลายวัตถุ The Sims 4 ไม่ใช่ปัญหาของคุณ
  • หากเคยมีความสุขกับการใช้ระบบ Create a Style เพื่อตกแต่งของทุกชิ้นได้ตามใจฝัน ก็ชั่งน้ำหนักดูว่าระบบใหม่ใน The Sims 4 ที่ชาวซิมส์มีผลกับวัตถุนั้นคุ้มค่าต่อการเอาออกไปของ Create a Style หรือไม่

3. Open World ดีจริงหรือมัวนิ่ม

มาถึงปัจจัยหลักที่แทบจะเป็นไม้ตายของการเชือดเกม The Sims 4 ให้ตายคามือ ปัจจัยที่ทำให้หลายๆ คนเปลี่ยนใจเลิกคิดที่จะซื้อมาเล่นเลยทีเดียว นั่นคือ ทำไม The Sims 4 ไม่มี Open World…
สำหรับผู้ที่ไม่เคยเล่น The Sims ภาคใดๆ มาก่อน หรือไม่รู้ว่า Open World คืออะไร Open World นั้นมีขึ้นใน The Sims 3 และเป็นอะไรที่น่าตื่นตาตื่นใจมาก เพราะคุณใช้เวลาโหลดเกมเพียงครั้งเดียวเท่านั้นคือโหลดเข้ามายังเมืองของชาวซิมส์ จากนั้นคุณสามารถไปที่ไหนก็ได้ เข้าไปเล่นบ้านใครก็ได้ (โดยไม่ต้องเข้าหน้าจอโหลดเกม) กิจกรรมและการดำเนินชีวิตต่างๆ ของชาวซิมส์นั้นอยู่ในโลกใบนั้นทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นการไปโรงเรียน การไปทำงาน การไปสวนหรือผับและการชอปปิ้ง และทุกๆ อย่างดำเนินเวลาไปพร้อมกันทั้งหมด
หลายคนอาจจะคิดว่า The Sims 4 ได้พัฒนาถดถอยลง เพราะ The Sims 3 ได้เปลี่ยนวงการเกมนี้ให้เป็น Open World แล้วอยู่ดีๆ ภาคใหม่ก็เอาคุณสมบัตินี้ออกไป จึงมองว่าเกม The Sims 4 เป็นจุดด่างพร้อยของซีรีส์ The Sims ไปซะแล้ว
แต่ในมุมมองส่วนตัวของผม (ย้ำอีกทีว่าส่วนตัว) ผมมองกลับกันครับ ถึงจุดนี้ขอให้ตั้งใจอ่านแล้วคิดตามนะครับ :) ผมคิดว่า The Sims ภาคที่เป็นบทเรียนอันเลวร้ายที่แสนแพงของทีมงานเลยนั่นก็คือ The Sims 3 ใช่ครับ The Sims 3 คุณอ่านไม่ผิดหรอกครับ  จะว่า The Sims 3 เป็นผู้ร้ายในคราบพระเอกก็ว่าได้ มาพิจารณากันดีกว่าครับว่า The Sims 3 ขาดการวางแผนอะไรไว้ เรื่องที่คุณจะอ่านถัดไปนี้เป็นแนวความคิดของผมเท่านั้น จริงหรือไม่จริงไม่ขอรับประกันครับ
ระบบ Open World ที่ฮือฮาทำให้เกมนี้เปลี่ยนไป เกม The Sims 3 ได้ปล่อยฟีเจอร์นี้ออกมา แต่ก็เต็มไปด้วยปัญหามากมาย เช่น เมืองร้าง, บ้านที่ไม่ได้เล่นมีลูกเต็มไปหมด (แต่ปิดได้), AI เพื่อนบ้านไม่ฉลาดเอาเสียเลย แต่ปัญหาที่น่าจะเป็นตัวชูโรงและส่งผลร้ายแรงก็คือ การรอโหลดก่อนเข้าเกมที่แสนจะโคตรนาน และแม้จะโหลดเข้าเกมได้แล้ว ก็เกิดปัญหากระตุกระหว่างเล่นตลอดเวลา ปัญหาเกิดขึ้นเพราะทีมงานไม่ได้คิดล่วงหน้าถึงอนาคตเลยว่า หากมีภาคเสริมใน The Sims 3 จะเกิดอะไรขึ้นตามมา แล้วยิ่งไปกว่านั้น หากมี The Sims 4 แล้วจะแก้ปัญหาดังกล่าวยังไง (วะ) ซึ่งการแก้ปัญหาใน The Sims 4 มันก็มีอยู่สามทางคือ
  1. เป็นระบบ Open World เหมือนเดิม ทำออกมาให้ดีขึ้นกว่าเดิม โหลดเร็วฟ้าแลบ เมืองไม่ร้าง
  2. ไม่ต้องทำอะไร นั่นคือเป็นระบบ Open World เหมือนเดิม และให้มันโหลดช้าเป็นเต่าเหมือนเดิม
  3. เอาระบบ Open World ออกไป แล้วไปทำอย่างอื่นให้ดีขึ้นเพื่อทดแทนบาปที่ได้ก่อไว้ *0*
อ่านแล้วก็คงตัดสินไม่ยากว่า เอ้า!~ ก็เลือกข้อ 1. สิ ไม่เห็นต้องคิดอะไร แต่ในความเป็นจริงแล้ว ปัญหาเรื่องโหลดนานเป็นสิ่งที่แก้ไม่ง่ายนัก มันเป็นเรื่องที่ยากมากที่จะโหลดทุกอย่างทั้งเมืองในจอเดียวในเวลาอันสั้น แล้วไหนจะต้องจัดการทรัพยากรเครื่องกับการเล่นในเมืองทั้งเมืองให้ไม่กระตุกเวลาเล่นอีก แล้วถ้าการที่ The Sims 4 มีคุณสมบัติต่างๆ มากมายเพิ่มเข้ามาแล้วยังทำเป็น Open World อีก จะมั่นใจได้หรือว่ามันจะไม่โหลดนานหนักกว่าภาคเก่าๆ หลายเท่า นี่ยังไม่นับภาคเสริมอีกไม่รู้กี่สิบภาคที่ถาโถมเข้ามาอีกนะครับ
ถ้าสมมุติเพิ่มเข้ามาจริงๆ เกมอาจต้องการ CPU ความเร็วเทพ แรมมหาโหด การ์ดจอหลักหลายหมื่น กลุ่มลูกค้าที่ขายได้คงมีเพียงเกมเมอร์ในตำนานผู้ร่ำรวยเท่านั้น…
ดังนั้น ทางเลือกข้อ 1. จึงแทบเป็นไปไม่ได้เลย หรือถ้าเป็นไปได้ก็ต้องรอเทคโนโลยีพัฒนาไกลกว่านี้ ไกลพอที่จะให้ทุกๆ บ้านพอจะเล่นเกมนี้ได้ ดังนั้นทางทีมงานจึงมีทางออกสองทางคือ ข้อ 2. และ 3. ซึ่งในส่วนนี้ทางทีมงานเลือกที่จะแก้ปัญหาด้วยข้อ 3. แต่ในมุมมองผู้เล่นนั้น ผมไม่อาจฟันธงได้ว่าวิธีในข้อ 2. หรือข้อ 3. ดีกว่ากัน บางคนอาจจะยอมโหลดช้าแต่ Open World คือความต้องการของเขา ในทางกลับกันบางคนไม่แคร์ว่าจะมีหรือไม่มี Open World แต่รำคาญมากเวลาโหลด
นี่แหละคือสิ่งที่ผมจะสื่อว่า The Sims 3 คือผู้ร้ายในคราบพระเอก หาก The Sims 3 ตระหนักถึงข้อจำกัดของคอมพิวเตอร์แล้วไม่ทำ Open World ตั้งแต่แรก เมื่อมันไม่มี Open World มาก่อน ก็จะไม่มีใครอ้างถึงมันได้

ประสบการณ์ที่ได้จากการเล่น The Sims 4 ซึ่งไม่มีระบบ Open World

ข้อดี

  • ชอบมากที่มีคนเดินพลุกพล่านตลอดเวลา ในส่วนนี้ทีมงานออกแบบมาได้อย่างยอดเยี่ยม (คิดว่าถ้าภาคนี้เป็น Open World คงกระตุกสุดๆ หากมีคนเต็มเมือง)
  • ไม่เสียเวลาระหว่างเดินทางไปไหน (เวลาของโลกซิมส์) หากไปทำงานหรือโรงเรียนก็หายไปจากฉาก หากไปโซนอื่นก็ตัดไปจอโหลดเกม ทำให้เอาเวลาไปทำอย่างอื่นได้อีกเยอะมาก
  • ไม่กระตุกขณะเล่น โดยเฉพาะเมื่อมีซิมส์เป็นจำนวนมากในเวลาเดียวกัน ขอบอกว่าลื่นมาก ทิ้งภาคเก่าๆ แบบไม่เห็นฝุ่น

ข้อเสีย

  • รู้สึกอึดอัดและขัดใจ เมื่อเราเห็นบ้านในโซนอื่นๆ แต่เลื่อนไปหรือกดเข้าไปไม่ได้ จนกว่าจะเปลี่ยนโซน
  • แม้จะแบ่งเป็นโซนนึง บ้าน 4-5 หลัง แต่เวลาเข้าบ้านเพื่อนหรือเปลี่ยนบ้านที่อยู่โซนเดียวกัน ก็ต้องรอโหลดอยู่ดี ในส่วนนี้ผิดหวังมากๆ ขัดใจสุดๆ T T (แต่ถ้าคุยกับผู้อื่นบนถนนหรือนอกบ้าน ไม่ต้องรอโหลด)
  • การรอโหลดทุกรอบ แม้จะใช้เวลาไม่นานมาก แต่ส่วนตัวรู้สึกรำคาญอยู่บ้างและรู้สึกมีผลกระทบต่อการเล่น แม้จะไม่มากเท่าไหร่ก็ตาม
  • ในบางเครื่องคอมพิวเตอร์ อาจใช้เวลาโหลดแต่ละจอถึง 60 วินาที ถ้าใครเกิดปัญหาดังกล่าวแนะนำให้อัพคอมพิวเตอร์ให้แรงขึ้นเทียบเท่าความต้องการของระบบ ไม่งั้นเกมจะไม่น่าเล่นสุดๆ ขอเตือน!
  • การไปทำงาน ตัวละครจะเดินออกไปนอกบ้านแล้วหายไปทันที ซึ่งในภาคก่อนๆ จะมีรถมารับ (ภาคนี้ไม่มีรถด้วยสิ)
  • ไม่มีสถานที่ทำงานและโรงเรียนอยู่ในพื้นที่เมือง แต่อย่างไรก็ตาม มันก็ไม่ได้แย่ขนาดนั้น เพราะใน The Sims 3 สถานที่ที่เหล่านั้นก็เข้าถึงด้านในไม่ได้ (rabbit hole) อยู่ดี

อื่นๆ

  • จากประสบการณ์ที่เล่นมา เวลาไปบ้านใคร จะมีคนอยู่ครบตลอด (ยกเว้นซิมส์ไปทำงาน) ผิดกับภาค 3 ที่ทีเจ้าของบ้านไม่อยู่บ่อยครั้ง

ในทางทฤษฎี การมี Open World ย่อมดีเลิศประเสริฐศรีอย่างไม่มีข้อโต้แย้ง แต่ The Sims 4 เลือกที่จะเอามันออกไปด้วยวิสัยทัศน์ในเรื่องข้อจำกัดทางเทคโนโลยีในปัจจุบัน

ผมก็เป็นคนหนึ่งที่อยากได้ระบบ Open World ใจจะขาดเหมือนคุณ และผมก็เป็นคนหนึ่งที่ผิดหวังกับที่ไม่มีระบบ Open World เหมือนคุณ แต่ทุกอย่างย่อมมีเหตุผลในตัวของมัน เมื่อมาพิจารณาดูตามที่ผมได้เขียนไว้ด้านบนแล้ว ผมเห็นด้วยกับ The Sims 4 และค่อนข้างเข้าใจทีมงานนะ ผมคิดว่าถ้ามีแล้วมันไม่ดี สู้ไม่มียังจะดีกว่า และทีมงานก็คงคิดแบบผมเช่นกัน ^^

อย่าเชื่อในคำพูดคนอื่น จงเชื่อในตนเอง

บางคนเห็นจากคำบ่นด่าของผู้อื่นว่า The Sims 4 ไม่มี Open World ก็ตัดใจเลิกเล่นเสียแล้ว ทั้งๆ ที่บางคนอาจไม่เคยเล่น The Sims 3 เลยด้วยซ้ำ หากคุณยังลังเลที่จะซื้อเกม The Sims 4 ในเหตุผลเรื่อง “ไม่มี Open World” ผมมีวิธีช่วยตัดสินใจให้คุณ นั่นคือลองให้คุณคิดทบทวนดูอย่างเป็นกลางจริงๆ ว่าตอนคุณเล่น The Sims 3 คุณเห็นประโยชน์ของ Open World จริงๆ หรือไม่ คุณประทับใจกับระบบนี้ขนาดไหน แล้วคุณจะตอบคำถามนี้ได้เองครับ

สรุป

  • หากไม่เคยเล่น The Sims 3 มาก่อน แล้วอยากเล่น The Sims ผมคิดว่า The Sims 4 เป็นตัวเลือกที่ดีกว่า The Sims 3 ครับ ทั้งในด้านระบบโดยรวมและการออกแบบอื่นๆ
  • หากเน้นการเล่นภายในบ้าน เน้นการปฏิสัมพันธ์กับชาวซิมส์คนอื่นๆ ที่มีมากมายในฉาก ไม่ซีเรียสกับ Open World หรือการโหลดหลายๆ ครั้งไปมา The Sims 4 เป็นตัวเลือกที่ไม่เป็นปัญหาสำหรับคุณ
  • หากเล่นเกม The Sims 3 แล้วชอบโมเมนต์การเดินทางไปไหนมาไหนในเมือง ดูภาพรวมได้ทั้งเมือง เปลี่ยนบ้านไปมาได้อิสระ มีการเดินทางไปโรงเรียนและที่ทำงานอย่างสมจริง ชอบที่ทุกคนในเมืองไปมาหากันได้ The Sims 4 อาจทำให้คุณหงุดหงิดอย่างแรงในอนาคตได้

สรุปทั้งหมด

โดยรวมแล้วแม้ผมจะผิดหวังกับหลายๆ อย่างใน The Sims 4 แต่สิ่งที่อยากจะบอกทุกคนนั้นคือ เกม The Sims 4 มันไม่ได้เลวร้ายอย่างที่คุณเห็นในรีวิวต่างๆ ขนาดนั้น มันไม่ได้แย่ขนาดที่มันทำลายซีรี่ส์เกมนี้ The Sims 4 ที่ส่วนมากมักมีเสียงด้านลบด้วยเหตุผลเพราะมีหลายๆ สิ่งที่ภาคเก่ามี ภาคนี้ไม่มี แต่กลับไม่ค่อยพบผู้เล่นที่วิจารณ์จริงๆ จังๆ เกี่ยวกับตัวเกมและระบบที่ The Sims 4 ต้องการนำเสนอสักเท่าไหร่นัก
ดังนั้นตามที่ผมได้กล่าวไปตั้งแต่แรกสุด สิ่งที่จะทำให้คุณพิจารณาว่าคุณจะซื้อเกม The Sims 4 หรือไม่ซื้อ ด้วยการเชื่อรีวิวตามที่ต่างๆ นั้นอาจไม่ได้ช่วยให้ผลการตัดสินคุณนั้นถูกต้องมากนัก แต่สิ่งที่ถูกต้องที่สุดคือการตัดสินของคุณจากข้อมูล ข้อเท็จจริง และเหตุผลที่คุณได้รับต่างหาก
ขอให้คุณตัดสินใจจากฟีเจอร์ต่างๆ ที่หายไปดีกว่า ว่าสิ่งเหล่านั้นสำคัญกับตัวคุณหรือไม่ โดยเฉพาะสิ่งที่ผมได้เล่ามาด้านบน ถ้ามันหายไปคุณรับได้หรือไม่ ปกติคุณเคยสนใจมันหรือไม่ บางคนเล่น The Sims 3 ไม่เคยสนใจเด็กแรกเกิด ไม่เคยสนใจสระว่ายน้ำ ไม่เคยแตะต้องระบบ Create a Style ไม่เคยแคร์ Open World แต่พอมารู้ว่ามันไม่มีใน The Sims 4 ก็เริ่มเห็นความสำคัญขึ้นมาทันที ดังนั้นขอให้คุณอย่าหลอกตัวเอง และคิดให้ดีๆ ครับ
สุดท้ายนี้ไม่ว่าคุณจะตัดสินใจซื้อหรือไม่ซื้อ พึงระลึกว่า สิ่งที่คุณตัดสินใจนั้นย่อมดีที่สุดครับ อย่าดูถูกความคิดตนเอง อย่าให้ความคิดของคนอื่นมาลบล้างความคิดของตนเองนะครับ ^^
ที่มา

http://blog.splendith.com/2014/09/thesims4-review/
Previous
Next Post »

มีอะไรแนะนำติชมได้ ขอบคุณ ConversionConversion EmoticonEmoticon